วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

บูชาพระราหูที่ไหน ? 10 สถานที่ ไหว้พระราหู ทั่วไทย แก้เคล็ด เสริมดวง กลืนกินสิ่งชั่วร้าย

 

บูชาพระราหูที่ไหน ? 10 สถานที่ ไหว้พระราหู ทั่วไทย แก้เคล็ด เสริมดวง กลืนกินสิ่งชั่วร้าย

พระราหู เทพอสูรที่ชาวไทยให้ความเคารพบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ และนำความสำเร็จมาให้ รวมไปถึงคนที่มี ดวงราหูเข้าทับ ก็นิยมไหว้เพื่อแก้เคล็ดอีกด้วย ตามเรามาไหว้ บูชาพระราหู กันได้กับ 10 สถานที่ ไหว้พระราหู ทั่วไทย แก้เคล็ด เสริมดวง กลืนกินสิ่งชั่วร้าย มีที่ไหนแนะนำบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

ที่ไหว้พระราหู เสริมดวง ในไทย

สถานที่ไหว้พระราหู ในไทย
เสริมดวง แก้เคล็ด ไหว้พระราหูที่ไหนดี

 

1. ราหูเทวาลัย 
หัวมุมสี่แยกเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

ราหูเทวาลัย เทวาลัยของ พระราหูทรงทรัพย์ ตั้งอยู่ที่หัวมุมสี่แยกเกษตร-นวมินทร์ เลียบทางด่วนรามอินทรา ค่ะ ที่นี่เปิดให้ทุกคนเข้ามาสักการะบูชาได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง มีความเชื่อว่าบารมีองค์พระราหูจะกลืนกินความทุกข์โศก และช่วยคุ้มครองดวงชะตามหาเศรษฐี ให้ผู้ที่มาสักการะได้สมปรารถนาดั่งตั้งใจ กลืนกินสิ่งชั่วร้าย กลับร้ายกลายเป็นดี เกิดลาภโภคผลทรัพย์สมบัติ ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า การค้าขายดีมีเงินไหลมาเทมา และนำพาแสงสว่างความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและชีวิตค่ะ 

  • ที่ตั้ง : หัวมุมสี่แยกเกษตร-นวมินทร์ เลียบทางด่วนรามอินทรา ประเสริฐมนูกิจ 33 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/g6EP97wX8dbNuDYU6
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน
  • โทร : 
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/rahudevali

===============

 

2. วัดท่าไม้ สมุทรสาคร

 

วัดท่าไม้ สมุทรสาคร วัดดังใกล้กรุงเทพ

 

      หลายคนน่าจะรู้จัก วัดท่าไม้ วัดดัง สมุทรสาคร กันเป็นอย่างดีค่ะ นอกจาก พระพุทธรูปปางชินราช ที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้แล้ว ที่นี่ยังประดิษฐาน พระราหู ที่ผู้คนนิยมไปขอพรให้โชคดี พ้นภัย และสะเดาะเคราะห์ อีกด้วยค่ะ มีความเชื่อว่า การไปไหว้บูชาพระราหู จะช่วยให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีได้ นอกจากนี้ยังมีการสวดรับส่งดาว หรือสวดนพเคราะห์ช่วยเสริมสิริมงคล และบูชาเทวดาประจำวันเกิดที่คอยปกปักรักษาอยู่อีกด้วย

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ ไหว้พระ ขอพร วัดท่าไม้ สมุทรสาคร ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

===============

 

3. วัดวรามาตยภัณฑสาราราม วัดขุนจันทร์
กรุงเทพฯ

 

พระราหู ไหว้พระราหู วันขุนจันทร์ กรุงเทพ

 

      วัดวรามาตยภัณฑสาราราม หรือ วัดขุนจันทร์ วัดดังย่านตลาดพลู ในกรุงเทพฯ ภายในวัดมีความโดดเด่นในสถาปัตยกรรมที่มีความผสมผสานระหว่างศิลปะแบบไทยกับเมียนมา และที่นี่ยังเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่ฝั่งธนและย่านตลาดพลูมายาวนานกว่าร้อยปีเลยทีเดียวค่ะ โดยสร้างขึ้นราวๆ ปี พ.ศ.2370-2380 ในสมัยรัชกาลที่ 3 นั่นเอง 

 

พระราหู ไหว้พระราหู วันขุนจันทร์ กรุงเทพ

Copycat37 / Shutterstock.com

 

      ภายในวัดประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้บูชา และที่จะพลาดไม่ได้ก็คือ การมาบูชาพระราหู ค่ะ ที่วัดจะมีการ สวดมนต์นพเคราะห์พระราหู ในทุกๆ ปี ใครเพิ่งเคยมาไหว้พระราหูจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้ สำหรับของดำ 8 อย่างในการมาไหว้นั้น ต้องจัดเตรียมมาเองนะคะ

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ วัดขุนจันทร์ วัดสวย กรุงเทพ สักการะ พระราหู เดินชมศิลปะงดงาม

 

===============

 

4. วัดศีรษะทอง นครปฐม

 

 วัดศีรษะทอง วัดสวย นครปฐม พระราหู

 

       อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงในการมากราบไหว้พระราหูก็คือ วัดศีรษะทอง นครปฐม แห่งนี้ค่ะ โดยที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอนครชัยศรี ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เลยทีเดียวค่ะ อีกทั้งภายในวัดยังมีโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ และยังมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และสมุนไพรมาตั้งแต่ในอดีตอีกด้วยค่ะ

 

พระราหู ไหว้พระราหู วัดศีรษะทอง วัดสวย นครปฐม

 

      ภายในวัดประดิษฐาน พระราหู องค์ใหญ่ ไว้ให้เราสักการะบูชา มีความเชื่อกันว่า หากใครที่ได้ไหว้พระราหู ท่านจะช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่ดี จะเกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคลาภ และเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยเงินทองนั่นเอง

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ วัดศีรษะทอง วัดสวย นครปฐม ไหว้พระ ขอพร พระราหู

 

===============

 

5. วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา

 

พระราหู วัดสมาน ฉะเชิงเทรา วัดสวย เที่ยวใกล้กรุงเทพ

 

      หลายๆ คนน่าจะคุ้นว่า วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา นั้น ผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อขอพร องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ที่นี่ก็มี พระราหู องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประดิษฐานที่นี่ด้วยเช่นกันค่ะ

 

วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา ไหว้พระราหู

 

       ที่สำคัญทางวัดยังมีการจัดชุดของดำ 8 สำหรับไหว้บูชาพระราหูไว้ให้เสร็จสรรพเลยด้วย ใครต้องการฝากดวงชะตา คุ้มภัย แก้ปีชง มาไหว้พระราหูที่นี่ได้เหมือนกันค่ะ ตามความเชื่อในการขอพร บูชาพระราหู จะทำให้เกิดโชคลาภ และความสำเร็จนั่นเอง

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา วัดสวย ใกล้กรุงเทพ ไหว้ 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

  • ที่อยู่ : ริมแม่น้ำบางปะกง หมู่ที่ 11 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/BczFsAXnhHLyNzuh6
  • เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.
  • โทร : 08-1983-0400
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/wat.saman

===============

 

6. วัดสามพระยา วรวิหาร กรุงเทพฯ

     วัดสามพระยา หรือชื่อเดิมว่า วัดบางขุนพรหม ค่ะ สันนิษฐานว่า เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ต่อมาในยมัยรัชกาลที่ 3 พระยาราชภักดี (สิงห์ทอง) พระยาเทพอรชุน (ทองปาน) และ พระยาราชวรานุกูล (ทองคำ) สามคนพี่น้อง ได้จัดสร้างวัดนี้ขึ้นใหม่ เสร็จแล้วจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นวัดหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “วัดสามพระยา”

      สิ่งศักดิ์สำคัญภายในวัดที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้สักการะก็คือ พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู เป็นตัวแทนการขจัดความลุ่มหลง การเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เสมือนลักษณะของพระราหู และยังเป็น พระประจำวันอังคารอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ ภายในวัดยังประดิษฐาน หลวงพ่อพระพุทธเกสร และ หลวงพ่อพระนั่ง ให้เราได้สักการะเพื่อสิริมงคล

 

===============

 

7. วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร กรุงเทพฯ

วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพ ไหว้พระราหู

Inoprasom / Shutterstock.com

 

      วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร หรือ วัดสามจีน ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีหัวลำโพง ค่ะ เอกลักษณ์ของวัดก็คือ พระมหามณฑป ซึ่งประดิษฐานองค์ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือ หลวงพ่อทองคำ ที่วิจิตรงดงามอย่างมาก

     อีกทั้งผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้ พระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู ซึ่งตั้งอยู่ในวิหารหลังเก่าของวัดอีกด้วย โดยมีความเชื่อว่าพระนารายณ์จะช่วยคุ้มครองภัยอันตรายที่มาจากพระราหู และเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ พระวิหารเดิมหลวงพ่อทองคำ ยังประดิษฐาน พระราหูสุริยะประภา พระราหูจันทะระประภา ให้ได้ไปบูชาพระราหูกันอีกด้วยค่ะ

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร วัดสวย กรุงเทพ ย่านเยาวราช

  • ที่ตั้ง : 661 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/jiYqjhnKCmiVJcod8
  • เปิดให้เข้าชม : 05.00-21.00 น. พระวิหารหลังเก่า 08.00-17.00 น. และ 08.00-21.00 น. (เฉพาะวันพุธ)
  • โทร : 08-5917-8569
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/WatTrimitrWithayaramWorawihan

===============

 

8. ศิวาลัยสถาน รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

      ศิวาลัยสถาน รัชดาภิเษก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษฐานเทพหลายองค์ เลยทีเดียวค่ะ ตั้งอยู่ใกล้แยกลาดพร้าว-รัชดา ที่ สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก เราสามารถเดินขึ้นมาจาก รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีลาดพร้าว ก็ถึงเลย ที่นี่เป็นมีเทพหลายองค์ให้เราได้ไหว้ สักการะ โดยเฉพาะ พระนารายณ์ทรงครุฑประทับพระราหู ที่เราจะไม่ค่อยได้เห็นกันสักเท่าไหร่ มีความเชื่อว่าบูชาแล้วจะช่วยเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี เกื้อหนุนดวงชะตาชีวิตค่ะ

     นอกจากนี้ที่นี่ยังประดิษฐาน องค์พระศิวราฏราช ซึ่งเป็นมหาเทพของเหล่าเทพทั้งปวง และคอยดูแลโลกมนุษย์ นำพาซึ่งความสงบ ร่มเย็น รวมถึง พระพิฆเนศ พระพรหม เทพพระราหูทรงครุฑ และบรมเทวโพธิสัตว์ ให้เราสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยค่ะ

 

  • ที่ตั้ง : สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/rhPHNywRcFLALQBL7
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน
  • โทร : 0-2553-5555
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/suanlumnight

===============

 

9. เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่
นนทบุรี

 

พระราหู เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่

 

      อีกหนึ่งเทวสถานที่แม้จะมี พระพิฆเนศ เป็นองค์ประธาน แต่ผู้ที่ต้องการมาสักการะองค์พระราหูก็สามารถแวะเวียนมาได้เช่นกันก็คือ เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ นนทบุรี ค่ะ เทวาลัยแห่งนี้เปิดให้แวะเข้ามาสักการะบูชา ขอพรในด้านต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ 

     พระราหู จะประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของเทวาลัย ผู้คนจะนิยมมาบูชาท่านกันในช่วงคืนวันพุธ เวลา 20.00 น. นอกจากนี้ ยังสามารถบูชาองค์เทพต่างๆ ที่ประดิษฐานที่นี่ได้มากมายอีกด้วย

✨ ดูรีวิวเต็มๆ ที่ เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ ศูนย์รวมจิตวิญญาณ ขอพรชีวิตเสริมสิริมงคล

 

  • ที่ตั้ง : 6/39 ถนนกาญจนาภิเษก ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/kEevLFpMXcs4JsFx6
  • เปิดให้เข้าชม : สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน
  • โทร : 08-5444-1509
  • เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/GaneshBangyai
  • ===============

 

10. วัดเสาหิน เชียงใหม่

     วัดเสาหิน เชียงใหม่ เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1919 ค่ะ โดยแต่เดิมนั้นมีชื่อว่า วัดพันเสาหิน สร้างขึ้นโดย ท่านเหมี่ยวยะ สมัยเวียงกุมกาม ภายในวัดยังมีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงระฆังฐาน และ อุโบสถ ที่พญาสามฝั่งแกน เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้สร้างไว้อีกด้วย

     นอกจากนี้ ภายในวัดยังประดิษฐาน ท้าวอสุรินทราหู ซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของชาวบ้าน และจะมี การประกอบพิธีไหว้บูชาพระราหู พิธีสวดสะเดาะเคราะห์บูชาพระราหู อีกด้วยค่ะ

 


ที่มา   ::   https://travel.trueid.net/

วิธีบูชาพระราหู พร้อมคาถาและของไหว้ เพื่อเรียกโชคลาภ ชีวิตประสบความสำเร็จ และมีโอกาสร่ำรวยได้!!

วิธีบูชาพระราหู พร้อมคาถาและของไหว้ เพื่อเรียกโชคลาภ ชีวิตประสบความสำเร็จ และมีโอกาสร่ำรวยได้!!





ในทางดาราศาสตร์ดาวราหูไม่ได้มีตัวตนเหมือนกับดาวอื่นๆในระบบสุริยะจักรวาล แต่เป็นจุดตัดขาขึ้นระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ (Ascending Node) ถ้าจุดตัดนี้อยู่ในระนาบเดียวกันก็จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา-จันทรุปราคา หรือที่มักเรียกกันว่าราหูอมอาทิตย์-อมจันทร์ 

พระราหูในพุทธศาสนา คัมภีร์อนาคตวงศ์ เขียนไว้ว่าพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์เรื่อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 10 พระองค์ ในอนาคตให้แก่พระสารีบุตรเถระ ความโดยย่อคือ องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าเป็นปฐมที่ ๑ และอสุรินทราหูจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระนารทะที่ ๕

 





การไหว้ราหูโดยความเชื่อมักจะทำให้เกิดโชคลาภ และความสำเร็จ ซึ่งมีโอกาสร่ำรวยด้วยการบูชาพระราหู ซึ่งการบูชาพระราหูจะนำความสำเร็จและโชคอย่างดีที่สุด
ดาวราหูมีเลข 8 เป็นสัญลักษณ์และมีกำลังเท่ากับ 12 ดังนั้นสามารถจัดของไหว้ 8 หรือ 12 อย่างแล้วแต่ศรัทธา ของไหว้ควรประกอบไปด้วย
1 ของคาว เช่นไก่ดำหรือซุปไก่

2 ของหวานหรือผลไม้ เช่น ขนมสีดำ,ข้าวเหนียวดำ,องุ่นดำ

3 เครื่องดื่ม เช่น กาแฟดำ,น้ำอัดลมสีดำ

สาเหตุที่ไม่ระบุของไหว้เพราะเชื่อว่าในแต่ละพื้นที่อาจจะไม่สามารถหาของได้เหมือนกัน ของบางอย่างมีราคาถูกแพง ดังนั้นดีที่สุดคือการหาของที่สะดวกและพอเหมาะกับสตางค์ในกระเป๋า ส่วนจำนวนธูปให้ใช้ตามจำนวนของที่ไหว้ ถ้าไหว้ 8อย่างก็ใช้ธูป 8 ดอก

ขั้นตอนในการไหว้


หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจุดธูปเทียนแล้วเริ่มด้วยบทสวดพระราหู
(ตั้งนะโม ๓ จบ)


#บทสวดบูชาพระราหู


กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ 
สังวิคคะรูโป อาคัมมะกินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ 
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ 
พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ
กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ 
สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ 
พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ







ที่มา   ::   https://www.tnews.co.th/







วิธีไหว้พระราหู พร้อมคาถาบูชาพระราหู

 

วิธีไหว้พระราหู พร้อมคาถาบูชาพระราหู


         วิธีไหว้ราหูต้องทำอย่างไร มีของไหว้ราหูอะไรบ้าง พร้อมคาถาบูชาพระราหู สำหรับคนที่เตรียมตัวไหว้ราหู 
 

        ราหู เป็นดาวบาปเคราะห์ที่ปกติจะย้ายราศี 1 ครั้ง ในทุก ๆ 1 ปีครึ่ง ซึ่งการไหว้ราหูแม้จะเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่า การไหว้ราหูมีความเป็นมาอย่างไร รวมถึงมีความสำคัญในด้านใดบ้าง ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำนานพระราหู รวมถึงการเตรียมของไหว้ และการทำพิธีไหว้ สำหรับผู้ที่ต้องการบูชาพระราหูมาฝากกันดังนี้ค่ะ

ราหู คืออะไร

        พระราหู หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เทพราหู เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่งในคติไทย ซึ่งมีความเชื่อกันว่าสามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคล หรือสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้น เพื่อให้สิ่งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นบรรเทาเบาบางลง และแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดี ให้เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคมีลาภ เจริญก้าวหน้าร่ำรวยยิ่งขึ้น จึงได้มีการบูชาพระราหูเกิดขึ้น โดยบางครั้งอาจเรียกสั้น ๆ ว่า การไหว้ราหู นั่นเอง  


พระราหู
ภาพจาก jack photo/shutterstock


ตำนานเกี่ยวกับพระราหู

          เนื่องจากตำนานเกี่ยวกับพระราหูทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่าที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ดังนั้นเนื้อเรื่องจึงความหลากหลายแตกต่างกันไป โดยตัวอย่างตำนานของพระราหูที่พอจะเป็นที่รู้จักกันบ้าง มีดังนี้

1.ตำนานพระอิศวรสร้างพระราหู


          ในตำนานแรกนั้นจะแสดงถึงตำนานทางคติพราหมณ์ ในตำราไสยศาสตร์ หรือศิวะศาสตร์ของพราหมณ์นั้นแสดงไว้ถึงการกำเนิดเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ไว้ ดังนี้ พระอิศวรทางเป็นผู้สร้างเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ ด้วยพระองค์เอง ดังนั้นเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 จึงล้วนมีฤทธิ์มีศักดานุภาพมากนัก

        ในเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9 นี้ มีองค์หนึ่งทรงเป็นเทพอสูร ที่มีฤทธิ์เดชร้ายกาจมาก อานุภาพเป็นที่ยำเกรงของทวยเทพเทวาทั้งหลาย ซึ่งเทพองค์นั้นคือ พระราหูจอมอสุรินทร์ ซึ่งพระอิศวรได้นำหัวผีโขมด จำนวน 12 หัวมาป่นให้เป็นเถ้าธุลี จากนั้นห่อด้วยผ้าสีดำ เสกเป่าแล้วพรมลงด้วยน้ำอมฤต บัดดลบังเกิดขึ้นเป็นอสูรเทพซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต ครึ่งบนเป็นเทพอสูร ครึ่งล่างเป็นงู โดยมีนามว่า พระราหู ทั้งนี้ พระราหูทรงเดชานุภาพครอบงำได้ทั้งสามโลก จึงเป็นที่เกรงกลัวต่อพระสุริยเทพ พระจันทราเทพ นับเป็นเทพนพเคราะห์อันดับที่ 8 ที่มีกำลังนพเคราะห์เป็น 12 โดยเป็นเทพแห่งวันพุธกลางคืน

        นอกจากนี้ยังกล่าวกันว่า อิทธิฤทธิ์ของอสูรเทพราหูนั้นพิสดารอย่างยิ่ง เมื่อแรกกำเนิดนั้นมีร่างกายครึ่งบนเป็นยักษ์ ครึ่งล่างเป็นพญานาค มีร่างกายสีทองอมดำสัมฤทธิ์ ทรงครุฑเป็นพาหนะ บ้างว่าทรงเมฆหมอก แสดงเห็นว่าพระราหูนั้นเป็นควบคุมธาตุน้ำ และธาตุลม บ้างก็ว่าพระราหูทรงพาหนะเป็นยักษ์ ทางโหราศาสตร์ถือว่ามีพระราหูมีพระเสาร์เป็นเพื่อนสนิท เมื่อพระราหูกำเนิดมาแล้วยังมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย

        โดยเรื่องเล่าในกาลต่อมา คือ พระราหูได้แอบขโมยน้ำอมกฤตเพื่อดื่มกินให้ตนเองเป็นอมตะ มีอำนาจเหนือเทพยดาทั้งหลาย แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์ แอบรู้เห็นการกระทำของพระราหูเข้า จึงทูลต่อพระนารายณ์ เมื่อพระนารายณ์ทรงทราบว่าพระราหูอาจเป็นภัยต่อทั้งสามโลกจึงกริ้ว และขว้างจักรเข้าตัดกลางกายของพระราหู แต่ดีที่ว่าพระราหูนั้นได้ดื่มกินน้ำอมกฤตเข้าไปแล้วจึงไม่สิ้นใจ และแม้จะมีครึ่งกายพระราหูก็ยังมีอำนาจท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นท่อนล่างมีลักษณะเป็นงูนั้น ได้กลายเป็นเทพยดาขึ้นใหม่อีกพระองค์หนึ่ง นามว่าพระเกตุ โดยทรงมีฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน ถือว่าพระเกตุนี้เป็นเทพคุ้มครองดวงชะตา ใครมีพระเดชกุมลักษณ์ คนนั้นมักปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง

        ส่วนพระราหูซึ่งแค้นใจที่พระอาทิตย์และพระจันทร์แอบนำเรื่องที่ตนดื่มกินน้ำอมฤต ไปทูลฟ้องพระนารายณ์ เมื่อสบโอกาสเหมาะเมื่อใด พระราหูจึงเข้าจับพระอาทิตย์พระจันทร์มากลืนกินทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงตีเกราะเคาะไม้ก็คายพระอาทิตย์ และพระจันทร์ออกมา การกลืนพระอาทิตย์พระราหู ได้เรียกว่า สุริยคราส ขณะที่การกลืนพระจันทร์ เรียกว่า จันทรคราส นั่นคือเรื่องเล่าของปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นทางดาราศาสตร์ทุกวันนี้

2. ตำนานพระราหูในพระพุทธศาสนา


        ในวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาได้เล่าเรื่อง พระราหู พระอาทิตย์ และพระจันทร์ เกี่ยวกับบุพพกรรมที่ทั้งสามได้เคยสร้างร่วมกันมาว่า ทั้งสามคือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ และพระราหูเกิดเป็นพี่น้องกัน มีพระอาทิตย์เป็นพี่คนโต พระจันทร์เป็นคนรอง พระราหูเป็นน้องเล็ก พระอาทิตย์ และพระจันทร์นั้นนิสัยดีชอบทำบุญใส่บาตร เลือกเอาของดีถวายพระภิกษุสงฆ์เสมอ ๆ แต่พระราหู มีนิสัยเกเร เจ้าโทสะ ไม่ค่อยประดิษฐ์ประดอยเหมือนพี่ ๆ ครั้งหนึ่งพระอาทิตย์ชวนน้องทั้งสองใส่บาตร พระอาทิตย์เลือกใช้ขันทอง พระจันทร์เลือกใช้ขันเงิน แต่พระราหูนั้นเลือกเอากะลาเป็นขันใส่ข้าว รวมทั้งทัพพีตักข้าว

        ในกาลต่อมา พระอาทิตย์ตั้งจิตอธิษฐานให้ตนเองเกิดเป็นสุริยเทพ ผู้มีรัศมีสองแสงเป็นสีทองส่องสว่างแก่มนุษย์ยามกลางวัน พระจันทร์ตั้งจิตขอไปเกิดเป็นจันทราเทพผู้มีรัศมีเย็นตา ให้ความสว่างแก่มนุษย์ยามกลางคืน ส่วนพระราหูนั้นต้องการมีเดชอำนาจเหนือพี่ทั้งสอง

          ด้วยอำนาจจิตดังกล่าวเมื่อสิ้นใจไปแล้วทำให้เกิดเป็นเทพอสูรนามว่า พระราหู ที่มีร่างกายดำทะมึนมีอำนาจสามารถดับความสว่างของพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ เมื่อใดที่พระราหูเจอพระอาทิตย์ และพระจันทร์ จึงเป็นต้องเข้าไปอมบ้าง ไปหนีบไว้ที่รักแร้บ้าง ซ่อนไว้ใต้คางบ้างเป็นเช่นนี้เสมอไป และลักษณะการบดบังพระอาทิตย์ และพระจันทร์ดังกล่าวนี้ ครูบาอาจารย์ชั้นต่อ ๆ มาจึงนำมาวาดเป็นยันต์พระราหู หรือมาแกะลายพระราหูบังพระอาทิตย์ แต่ส่วนมากมักเลือกเอากิริยาที่พระราหูอมพระอาทิตย์พระจันทร์มากที่สุด

พระราหู


3. ตำนานพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทร์ราหู

        มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระราหูได้เคยเข้าจับพระอาทิตย์มากลืนกิน บังเกิดเป็นสุริยคราส ครั้งนั้นเทพยดาทั้งหลายได้ทูลขอให้พระพุทธเจ้าเข้าช่วยเหลือ จึงทรงกล่าวพระพุทธคาถาแก่พระราหู เมื่อพระราหูได้ฟังแล้ว ก็บังเกิดอาการขนพองสยองเกล้ารีบคายพระอาทิตย์ออก ก่อนหนีกลับเข้าเมืองอสูร เพราะรู้สึกราวกับว่าศีรษะจะระเบิดออกมาเป็นเจ็ดเสี่ยง จากนั้นพระราหูได้ไปเล่าให้เพื่อนอสูรฟังว่าพระพุทธเจ้ามีฤทธิ์มาก และไม่อาจต้านทานฤทธานุภาพพระพุทธองค์ได้

        ในพระไตรปิฏกยังเล่าอีกว่า พระราหูเคยคิดเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่คิดในใจว่าตนเองนั้นร่างกายใหญ่โต ไฉนเลยจะเข้าไปกราบพระพุทธองค์ได้ ด้านพระพุทธเจ้าที่สามารถรู้ถึงความคิดของพระราหูได้ จึงเนรมิตร่างกายตนให้ใหญ่กว่าพระราหูหลายร้อยหลายพันเท่า และประทับอยู่ในกิริยานอนประทับปางไสยยาสน์ เมื่อราหูมาถึงที่ประทับยังนึกในใจอยู่ว่าพระองค์คงร่างเล็กนิดเดียว ก้มลงมองหาเท่าไรก็ไม่พบ จนท้อใจคิดจะกลับเมือง แต่เมื่อได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าตรัสทัก และพอมองขึ้นไปจึงพบว่าร่างกายของพระพุทธเจ้าใหญ่โตยิ่งกว่าตนมากมายนัก พระราหูจึงเกิดความเกรงในพระพุทธบารมี และเชื่อมั่นในพระพุทธคุณของพระพุทธองค์ จึงขอเอาพระไตรสรณคมณ์เป็นที่พึ่ง และถือว่าพระรูปปางสีหไสยยาสน์นั้นเป็นปางปราบอสุรินทร์ราหู ทำให้ผู้ที่มีราหูเข้าแทรกในดวง หากได้บูชาพระพุทธรูปปางนึ้จะดีกับตนเองยิ่งขึ้น

        ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ยังได้กล่าวถึงบุพกรรมแต่หนหลังของพระราหูว่า พระราหูเคยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระราหูทุกภพชาติที่ผ่านมานั้น พระพุทธเจ้ามองว่าจะสำเร็จแน่นอนในอนาคตกาล โดยอาจเป็นพระโพธิญาณ หรือบรรลุเป็นอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทำให้พระราหูปลาบปลื้ม และมีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ จนตั้งใจบำเพ็ญเพียรทางพระโพธิญาณให้มากยิ่งขึ้น

        ทั้งนี้ในพระไตรปิฎยังกล่าวอีกว่า พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านาม "พระนารทพุทธเจ้า" นับเป็นองค์ที่ห้าถัดจากพระศรีอารยเมตไตรพุทธเจ้า จากคติดังกล่าวนี้จึงถือว่าพระราหูนั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้ของชาวพุทธ ซึ่งการกราบไหว้พระโพธิสัตว์เป็นคตินิยมของมหายาน แต่ฝ่ายหินยานหรือในบ้านเรานั้นรู้จักเรื่องพระโพธิสัตว์น้อย

        และพระโพธิสัตว์ บางครั้งมีรูปกายสวยงาม บางครั้งก็มีรูปกายน่ากลัว และสามารถบังเกิดในภพภูมิใดก็ได้ อย่างพระราหูเป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติเพื่อสืบพระพุทธวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงสมควรที่จะได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นเทพเจ้าองค์อื่น ๆ

4. ตำนานพระโพธิสัตว์ราหูเทพอสุรินทร์


        ในบรรดาเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 องค์นั้นมีเพียงพระราหูพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นพระโพธิสัตว์และได้รับการพยากรณ์แล้ว แม้พระอาทิตย์และพระจันทร์ผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง ก็มิได้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ เช่น พระราหู ดังนั้น การนับถือพระราหูจึงไม่ใช่การบูชาภูตผีปีศาจ แต่เป็นการบูชาพระโพธิสัตว์ในรูปกายแห่งเทพอสูร อันเป็นคติสอนให้พิจารณาว่า อย่ามองที่รูปกายภายนอก แม้ว่ารูปกายแห่งพระราหูจะดูดุดันน่ากลัว แต่คุณธรรมภายในนั้นกลับตรงข้าม พระราหูเป็นเทพอสูรที่บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุพระโพธิญาณมานับชาติไม่ถ้วน ภายในจิตใจนั้นมีแต่ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ สิ่งเลวร้ายในชีวิตมนุษย์นั้นไซร์ย่อมเกิดจากผลกรรมเก่าและใหม่ที่ตนก่อไว้ เมื่อถึงเวลา กรรมนั้นย่อมเป็นไปตามกลไกของมัน พระราหูเทพอสุรินทร์เป็นเทพยเจ้าผู้เป็นพยานแห่งการกระทำกรรมของมนุษย์ หาได้ให้ร้ายใคร

        ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์ของพระราหูนี้มีมากนัก แม้ว่าต่อมาจะเหลือร่างกายเพียงครึ่งเดียวแต่ก็ทรงตบะเดชะไม่เป็นสองรองใคร ซ้ำยังสามารถเข้าบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ ซึ่งอำนาจในการบดบังพระอาทิตย์นี้ ครูบาอาจารย์บางท่านได้กล่าวสรรเสริญไว้ว่า แม้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ยังมีพระราหูมาบดบังให้เยือกเย็น ท่านจึงว่าพระราหูนั้นมีคุณในการดับร้อนให้เป็นเย็น หรือมีอำนาจในการบังตาเป็นที่น่าอัศจรรย์

        ในการอธิษฐานขอบารมีพระราหูที่ถูกต้องนั้นให้อธิษฐานอ้างเอาคุณพระศรีรัตนตรัยขึ้นก่อน จากนั้นอธิษฐานถึงพระราหูว่า ขออำนาจบารมีพระอสุรเทพบรมโพธิสัตว์เสด็จพ่อพระราหู จงมาโปรดแก่ลูกด้วยแล้วทำการอธิษฐาน ทั้งนี้เพราะพระราหูนั้นมีเพศเป็นยักษ์และอยู่ในระดับอสูรเทพ และยังมีบารมีธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะต้องสำเร็จมรรคผลโพธิญาณอย่างแน่แท้ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์เช่นนี้จากพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ บำเพ็ญบารมีถึงเส้นชัยแล้วจึงได้รับการขนานพระนามเป็นเกียรติว่า "พระบรมโพธิสัตว์" การอธิษฐานอ้างถึงคุณงามความดีของพระราหูดังกล่าว จึงถือเป็นอาราธนาคุณของพระราหูทั้งด้านบุญฤทธิ์ และอิทธฤทธิ์ พร้อมกันในตัว เป็นสิริมงคลแก่ผู้ระลึกถึงเป็นอย่างมาก

ไหว้พระราหู ต้องเตรียมของไหว้ราหูอะไรบ้าง

        เนื่องจากดาวราหูมีเลข 8 เป็นสัญลักษณ์ และมีกำลังเท่ากับ 12 ดังนั้นสามารถจัดของไหว้ราหู 8 หรือ 12 อย่างก็ได้ แล้วแต่ศรัทธา แต่ของไหว้ต้องประกอบด้วย ของคาว ของหวาน หรือผลไม้ และเครื่องดื่ม โดยของดำ 8 อย่างที่นิยมนำมาบูชา เนื่องจากมีความหมายดี ได้แก่

        1. ไก่ดำ หมายถึง การทำมาหากินที่ดี ไม่อดไม่อยาก
        2. เหล้าดำ หมายถึง การลงทุนทำอะไรจะได้กำไรกลับมา
        3. กาแฟดำ หมายถึง การคิดอะไร ก็จะสมหวัง
        4. เฉาก๊วย หมายถึง ความใจเย็น มีความคิดรอบคอบ
        5. ถั่วดำ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
        6. ข้าวเหนียวดำ หมายถึง ความเหนียวแน่นทางการเงิน
        7. ขนมเปียกปูน  หมายถึง การปูนบำเหน็จรางวัล
        8. ไข่เยี่ยวม้า หมายถึง การติดต่อสิ่งใด ก็จะสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้

        สำหรับการเตรียมของไหว้สีดำนั้น ในบางตำราอาจไม่ได้ระบุว่า ต้องเป็นของไหว้ชนิดใดอย่างชัดเจน  เนื่องจากในแต่ละพื้นที่อาจจะไม่สามารถหาของได้เหมือนกัน หรือบางท่านที่หาของตามนี้ไม่ได้ ก็อาจเปลี่ยนเป็นของดำอย่างอื่น เช่น องุ่นดำ งาดำ น้ำอัดลมสีดำ ทั้งนี้ของดำทั้ง 8 อย่างต้องพร้อมรับประทาน หรือดื่มได้ และต้องอย่าลืมเตรียมน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว ตั้งไว้บนโต๊ะบูชาด้วย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำพิธีกราบไหว้บูชา คือ จำนวนธูปที่ต้องใช้ตามจำนวนของที่ไหว้ เช่น ถ้าไหว้ 8 อย่างก็ใช้ธูป 8 ดอก เป็นต้น



ไหว้พระราหู มีวิธีไหว้อย่างไร

        เมื่อได้ของดำ 8 อย่างมาแล้ว ให้เลือกทำพิธีกลางแจ้ง โดยใช้โต๊ะวางเพื่อตั้งสิ่งของบูชาที่กลางสนาม ที่ดาดฟ้าก็ หรือที่ระเบียงที่มีลมพัดผ่าน ส่วนการตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และเริ่มไหว้ในคืนวันพุธ ในช่วงเวลาระหว่าง 18.00-24.00 น. จากนั้นจุดธูปเทียนให้พร้อมแล้วเริ่มด้วยบทสวดพระราหู ดังนี้

คาถาบูชาพระราหู


(ตั้งนะโม 3 จบ)


บทสวดบูชาพระราหู


กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ   

สังวิคคะรูโป อาคัมมะกินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ

สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ

พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ

กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ   

สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ

สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ

พุทธะคาถาภิคีโตมหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ


 

พระคาถาสุริยะบัพพา


กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะ

โตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะ

โทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ


 พระคาถาจันทบัพพา


ยัตถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตัง

มะมะตัง วะติตัง เสกามะมะ

เสตัง กาติยังมะมะ ยะติกาฯ




กล่าวคำถวายเครื่องสังเวย

คำถวายเครื่องสังเวยพระราหู


นะโมเม พระราหูเทวานัง ธูปะทีปะ

จะปุปผัง สักการะวันทะนัง สูปะพะยัญชะนะ

สัมปันนัง โภชะ นานัง

สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง

อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา

หิตายะ สุขายะ พระราหูเทวา

มะหิทธิกา เตปิ อัมเห

อะนุรัก ขันตุ อาโรคะ

เยนะ สุเขมะจะฯ


 คาถาบูชาพระราหู (สวด 12 จบ)


          คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ

          ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) ขอบูชาพระราหูด้วยของดำ (8 หรือ 12) อย่าง ขอให้อิทธิพลของดาวราหูจงส่งผลดีแก่ดวงชะตาของข้าพเจ้า ขอให้ได้พบเจอแต่กัลยาณมิตรที่ดี ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคร้ายใด ๆ ขอให้เกิดความสุขในครอบครัว ขอให้ดาวราหูประทานพรโชคลาภและความสำเร็จแก่ข้าพเจ้า (อธิฐานเรื่องอื่น ๆ ที่ปรารถนา)

          เมื่อธูปใกล้หมดควรลาของไหว้แล้วนำมารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อนทานของไหว้ควรท่องคาถา "คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ" ก่อนที่จะทานของไหว้แต่ละอย่าง

        สำหรับ ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อ และความเป็นมาในการทำพิธีไหว้ราหูที่นำเสนอในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนได้ได้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาที่อาจจะเกิด ขึ้น ซึ่งการทำพีธีดังกล่าวเป็นเรื่องของความเชื่อที่อาจกล่าวได้ว่า การไหว้ราหู นอกจากจะช่วยให้เรามีขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้นแล้ว การยึดมั่นในศีลธรรมอันดี อาจช่วยให้ผู้ศรัทธาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีขึ้น แต่การกราบไหว้บูชาก็ควรทำอย่างมีสติ และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะหากขาดความยั้งคิดแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมา ผู้นั้นก็อาจจะพลาดพลั้ง จนกระทั่งแนะนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-  
photoontour.com
-  watkaokrailas.com
-  promdeva.com
-  เฟซบุ๊ก หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

กระปุกดอทคอม

วันวิสาขบูชา 2567 ตรงกับวันไหน พร้อมประวัติ ความสําคัญ หลักธรรม

  วันวิสาขบูชา 2567 ตรงกับวันไหน พร้อมประวัติ ความสําคัญ หลักธรรม วันวิสาขบูชา  2567 ตรงกับวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6...